วันที่นำเข้าข้อมูล 10 มี.ค. 2557
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565
มาตรการกระตุ้นและสิ่งจูงใจในการลงทุนทำธุรกิจในแอฟริกาใต้
แอฟริกาใต้มีการแบ่งมาตรการจูงใจแก่นักลงทุนออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
1. ธุรกิจเกี่ยวกับแนวคิด งานวิจัย และพัฒนา (Concept, Research and Development)สำหรับธุรกิจเอกชนที่ลงทุนในด้านการประดิษฐ์ ออกแบบ และปรับปรุงผลิตภัณฑ์และกระบวนการใหม่ ๆ อาทิ
1.1 การให้เงินสนับสนุนโครงการวิจัยและพัฒนาขนาดเล็ก
1.2 การให้เงินสนับสนุนโครงการวิจัยและพัฒนาขนาดใหญ่
1.3 มาตรการจูงใจด้านภาษีสำหรับการวิจัยและพัฒนา
1.4 การให้เงินสนับสนุนการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการต่าง ๆ และ
1.5 การวิจัยและพัฒนาในอุตสาหกรรรมยานยนต์ เป็นต้น
2. ธุรกิจที่ลงทุนเป็นจำนวนมาก (Capital Expenditure)สำหรับธุรกิจเอกชนที่สนใจจะจัดซื้อหรือยกระดับสินทรัพย์เพื่อการสร้างหรือเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมดังต่อไปนี้
2.1 อุตสาหกรรมขนาดเล็ก
2.2 อุตสาหกรรมขนาดใหญ่
2.3 โครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ
2.4 เขตพัฒนาอุตสาหกรรม
2.5 การลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์และเสื้อผ้า และ
2.6 การลงทุนจากต่างประเทศ เป็นต้น
3. ธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขัน (Competitiveness Enhancement) สำหรับการลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขัน การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน และการพัฒนาในภาคธุรกิจเฉพาะ อาทิ
3.1 การให้ความช่วยเหลือด้านการลงทุนและการตลาดเพื่อส่งออก
3.2 การผลิตภาพยนตร์
3.3 สหกรณ์
3.4 โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสตรีผ่านกองทุนสตรี ‘Bavumile and Isivande Women’s Fund’ และ
3.5 การเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันด้านการผลิต
ทั้งนี้สามารถสืบค้นรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์http://www.southafrica.info/business/investing/incentives/portal.htm#.URNn2me6WSo#ixzz2KCW6RhAh
*********************************************
ระบบภาษีในแอฟริกาใต้
ระบบภาษีในแอฟริกาใต้แบ่งการจ่ายเงินได้ออกเป็น 2 ระบบ ได้แก่ รัฐบาลกลางผ่าน South African Revenue Services (SARS) หรือรัฐบาลท้องถิ่น โดยรายได้หลักของรัฐบาลกลางมาจากภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีบริษัท และภาษีน้ำมันเชื้อเพลิง ในขณะที่รายได้หลักของรัฐบาลท้องถิ่นมาจากการจัดสรรของรัฐบาลกลางตามอัตราส่วนที่กำหนด
ภาษีรายได้
แอฟริกาใต้มีการจัดเก็บระบบภาษีแบบก้าวหน้าโดยมีสมมติฐานว่า คนรวยจะต้องจ่ายเป็นสัดส่วนเพื่อ สนับสนุนรัฐบาลที่มากกว่าคนจน ดังนั้น หากยิ่งมีรายได้มากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นตามอัตราร้อยละของรายได้
รายได้ (แรนด์) |
อัตราภาษี |
0-160,000 |
ร้อยละ 18 |
160,001 – 250,000 |
28,800 แรนด์ + ร้อยละ 25 ของเงินได้ที่เกิน 160,000 แรนด์ |
250,001 – 346,000 |
51,300 แรนด์ + ร้อยละ 30 ของเงินได้ที่เกิน 250,000 แรนด์ |
346,001 – 484,000 |
80,100 แรนด์ + ร้อยละ 35 ของเงินได้ที่เกิน 346,000 แรนด์ |
484,001 – 617,000 |
128,400 แรนด์ + ร้อยละ 38 ของเงินได้ที่เกิน 484,000 แรนด์ |
เกินกว่าหรือเท่ากับ 617,001 |
178,940 แรนด์ + ร้อยละ 40 ของเงินได้ที่เกิน 617,000 แรนด์ |
ภาษีบริษัท
โดยปกติ อัตราภาษีบริษัทอยู่ที่ร้อยละ 28 ของรายได้สุทธิของบริษัท โดยบริษัทที่เป็นประเภทธุรกิจขนาดเล็ก จะมีอัตราภาษีอยู่ที่ (1) ร้อยละ 10 ของรายได้สุทธิบริษัทที่อยู่ระหว่าง 59,750 ≤ 300,000 แรนด์ และ (2) ร้อยละ 28 ของรายได้บริษัทที่เกินกว่า 300,000 แรนด์ และบริษัทจัดหางาน (Employment Company) จะเสียภาษีอยู่ที่ร้อยละ 33
ภาษี Secondary Tax on Companiesหรือ STC
STC เป็นนโยบายภาษีของรัฐบาลที่ต้องการให้บริษัทเก็บผลกำไรมากกว่าจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น โดยจะหักร้อยละ 10 ของเงินปันผลสุทธิของบริษัท
ภาษีที่ดิน
ภาษีที่ดินซึ่งเป็นการโอนย้ายกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของซึ่งเกิดจากมรณกรรมของผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ โดยปกติ จะหักภาษีร้อยละ 20 ของมูลค่าคงเหลือของที่ดินของผู้เสียชีวิตที่เกินกว่า 1.5 ล้านแรนด์
**************************
ธรรมเนียมปฏิบัติในการทำธุรกิจในแอฟริกาใต้
(Do and Don’t)
แอฟริกาใต้เป็นประเทศที่ประกอบด้วยคนหลายเชื้อชาติ และเคยประสบกับเหตุการณ์ความรุนแรงทางประวัติศาสตร์ที่เกิดจากความแตกต่างทางประชากร ภาษา และวัฒนธรรม ซึ่งจบลงด้วยการหมดยุคการแบ่งแยกสีผิวและชาติพันธุ์ รัฐบาลแอฟริกาใต้ตั้งเป้าหมายจะขจัดการแบ่งแยกเชื้อชาติและพัฒนาอัตลักษณ์พิเศษที่เน้น ’ความเป็นแอฟริกาใต้’ หรือการเป็น ‘Rainbow Nation’
ปัจจุบัน ยังไม่มีข้อสรุปเกี่ยวกับการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับชาวแอฟริกาใต้เนื่องจากสาเหตุ (1) ความแตกต่างทางเชื้อชาติ คนแอฟริกันผิวขาว คนแอฟริกันผิวดำ คนแอฟริกันอินเดีย และชุมชนอื่น (2) ความเหลื่อมล้ำของสังคมเมืองกับชนบท โดยคนชนบทจะเป็นคนเข้ากับคนง่ายแต่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม ในขณะที่คนเมืองจะเป็นคนที่มีความคิดยืดหยุ่นกว่า แต่ค่อนข้างวัตถุนิยม (3) ความแตกต่างทางภาษา รัฐบาลแอฟริกาใต้รับรองภาษาราชการ 11 ภาษา ได้แก่ Afrikaans ภาษาอังกฤษ Ndebele, Pedi, Shanggan, Sotho, Tsona, Tswana, Venda, Xhosa และ Zulu อย่างไรก็ดี ภาษาอังกฤษใช้เป็นภาษาหลักในการติดต่อสื่อสารเชิงพาณิชย์
คนแอฟริกาใต้ส่วนใหญ่มีความเป็นมิตรและชอบสนทนา โดยหัวข้อที่มักหยิบยกมาก ได้แก่ (1) กีฬา เช่น รักบี้ ฟุตบอล และคริกเก็ต (2) อาหาร และเครื่องดื่ม เช่น ไวน์พื้นเมืองแอฟริกาใต้ และ (3) การท่องเที่ยวระหว่างประเทศ อย่างไรก็ดี ไม่ควรเปรียบเทียบว่า ประเทศใดหรือเมืองใดดีกว่าอีกเมือง เนื่องจากพลเมืองของประเทศและเมืองนั้น ๆ ย่อมมีความภูมิใจในสถานที่ของตน และควรหลีกเลี่ยงประเด็นที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเชื้อชาติ หรือการเมืองท้องถิ่น
การติดต่อทางธุรกิจ
- คนแอฟริกาใต้ส่วนใหญ่ค่อนข้างลังเลที่จะทำธุรกิจกับคนที่ไม่รู้จักสนิทสนม ดังนั้น ควรมีการแนะนำตัวผ่านตัวแทนที่รู้จักของทั้งสองฝ่ายเพื่อเริ่มต้นความสัมพันธ์ทางธุรกิจ
- การหารือธุรกิจครั้งแรกมักเป็นการแนะนำตัวหรือสร้างความคุ้นเคยมากกว่าจะเป็นการหารืออย่างเคร่งครัด ความนิยมและความเชื่อใจเป็นปัจจัยที่ทำให้การทำธุรกิจระหว่างกันเป็นไปอย่างราบรื่น
- ควรมีการนัดหมายสำหรับการประชุมผ่านช่องทางปกติ ส่วนใหญ่ การกำหนดตารางเวลาเพื่อติดต่อ/นัดหมายทางธุรกิจในช่วงกลางเดือน ธ.ค. – ม.ค.ของทุกปี หรือสองสัปดาห์ก่อนและหลังเทศกาลอีสเตอร์และวันหยุดทางศาสนาอื่นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากเนื่องจากเป็นช่วงที่มีวันหยุดยาว
- ก่อนหน้าการประชุม ควรมีการเตรียมการและส่งวาระการประชุมให้บริษัทคู่ค้าพิจารณาล่วงหน้าและหากมีการนำเสนอผลงานทางธุรกิจ ควรทำให้กระชับและตรงประเด็น และมีสถิติที่เกี่ยวข้องเป็นข้อมูลประกอบ เนื่องจากการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและข้อมูลตัวเลขมากกว่าสัญชาตญาณ
- ถึงแม้ว่าบริษัทส่วนมากจะทำงานโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก แต่มีบางกรณีที่การแปลเอกสารเป็นภาษาท้องถิ่น เช่น Afrikaans จะทำให้เกิดความประทับใจที่ดี โดยเฉพาะหากทำงานกับบริษัทที่ใช้ภาษา Afrikaans เป็นหลักในพื้นที่แถบ Bloemfontein และกรุงพริทอเรีย
- เวลาทำการของบริษัทแอฟริกาใต้เหมือนประเทศทางตะวันตก นักธุรกิจแอฟริกาใต้จะไม่ทำงานในวันหยุดสุดสัปดาห์ ยกเว้นพนักงานธนาคารและข้าราชการบางหน่วยงาน เนื่องจากธนาคารและหน่วยงานรัฐบาลมักเปิดทำการในช่วงเช้าของวันเสาร์
**********************************