เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพริทอเรีย ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐแอฟริกาใต้และสถานเอกอัครราชทูตของประเทศสมาชิกอาเซียน 3 ประเทศ คือ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม จัดการสัมมนาในหัวข้อ “ครบรอบ 25 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างแอฟริกาใต้กับประเทศอาเซียนสี่ประเทศ” โดยมีหัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูต นักการทูตของประเทศต่างๆ ข้าราชการแอฟริกาใต้ องค์กรเอกชนไม่แสวงหากำไร นักวิชาการ สื่อมวลชน นักเรียนนักศึกษาและนักธุรกิจไทยในแอฟริกาใต้ จำนวนประมาณ 100 คน เข้าร่วมฟังการสัมมนาดังกล่าว

                      เรือโท โกเมศ กมลนาวิน  เอกอัครราชทูตไทย ณ สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ เอกอัครราชทูตมาเลเซีย ฟิลิปปินส์และเวียดนาม ได้เป็นองค์ปาฐกร่วมกับ นาย Ani Sooklal รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศแอฟริกาใต้ซึ่งรับผิดชอบดูแลประเทศในภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลาง  นาง Sindiswa Mququ อธิบดีกรมเอเชียใต้ เอเชียกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ดร. Philani Mthembu ผู้อำนวยการสถาบัน Institute for Global Dialogue และเจ้าหน้าที่ของการท่องเที่ยวแอฟริกาใต้

                      องค์ปาฐกต่างชี้ให้ผู้เข้าร่วมการสัมมนาเห็นถึงความสัมพันธ์ทางการทูตที่แน่นแฟ้นระหว่างแอฟริกาใต้กับประเทศอาเซียนทั้งสี่นับตั้งแต่ประเทศดังกล่าวสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับแอฟริกาใต้ในปี 2536 จนถึงปัจจุบันและเน้นย้ำถึงโอกาสที่ประเทศอาเซียนทั้งสี่จะมีความร่วมมือด้านต่างๆ กับแอฟริกาใต้ในอีก 25 ปีข้างหน้า                

                      เรือโท โกเมศ กมลนาวิน  ได้ให้ข้อสังเกตว่าไทยและแอฟริกาใต้ต่างเป็นประเทศที่เศรษฐกิจกำลังเติบโต  จึงควรที่จะเรียนรู้และนำบทเรียนของอีกฝ่ายไปปรับใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศตน และเห็นว่าไทยกับแอฟริกาใต้สามารถที่จะเป็นหุ้นส่วนกันในความร่วมมือด้านต่างๆ ทั้งในระดับภูมิภาคและในระดับโลก 
เรือโท โกเมศ กมลนาวิน ขอให้ไทยและแอฟริกาใต้จับมือกันเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาความยากลำบากในกระบวนการ
ออกใบอนุญาตทำงานเพื่อดึงดูดและสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนไทยที่มีความสนใจจะมาลงทุนในแอฟริกาใต้

                      ภายหลังเสร็จสิ้นการสัมมนา สถานเอกอัครราชทูตของประเทศอาเซียนทั้ง 4 ประเทศได้จัดการแสดงทางวัฒนธรรมของประเทศตน โดยสถานเอกอัครราชทูตไทยได้จัดการแสดงเซิ้งกระติ๊บซึ่งนำแสดงโดยนักศึกษาชาวไทยที่อาศัยในแอฟริกาใต้ นอกจากนี้ ยังได้จัดให้ผู้เข้าร่วมงานได้ชิมอาหารประจำชาติของทั้ง 4 ประเทศด้วย ในโอกาสนี้ สถานเอกอัครราชทูตได้นำพนักงานนวดแผนไทยมาให้บริการนวดแก่แขกผู้เข้าร่วมงานโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายด้วย